ชื่อเรื่อง          การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบหลากหลายวิธีการเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพ

                             การทำวิจัยในชั้นเรียนของครูโรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา 

                             สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ

ผู้รายงาน         นายธงชัย  เหมเกียรติกุล

พุทธศักราช       2559

 

บทคัดย่อ

             การรายงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย  ดังต่อไปนี้   1)  เพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบหลากหลายวิธีการ เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูโรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา  สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ  2)  เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการนิเทศแบบหลากหลายวิธีการ เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการทำวิจัยในชั้นเรียนของครู โรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ด้วยวิธีการ  2.1) ประเมินสมรรถภาพในการนิเทศแบบหลากหลายวิธีการ ของครูผู้นิเทศ 2.2)  ประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียน ของครูผู้นิเทศ  2.3) ประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนิเทศแบบหลากหลายวิธีการ ของครูผู้รับการนิเทศ 2.4)  ประเมินสมรรถภาพการทำวิจัยในชั้นเรียน ของครูผู้รับการนิเทศ  2.5)  ประเมินความพึงพอใจของครูผู้รับการนิเทศที่มีต่อรูปแบบการนิเทศแบบหลากหลายวิธีการ  ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง  ประชากรที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ครูและนักเรียนโรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา ประกอบด้วยครูผู้สอน จำนวน  30  คน  นักเรียน  จำนวน  295 คน  กลุ่มตัวอย่าง  เป็นครูผู้สอนจำแนกตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ละ 2 คน  เลือกโดยการสุ่มแบบอาสาสมัคร (Volunteers Sampling) จำแนกเป็น  ครูผู้นิเทศ จำนวน 5 คน  มี 2 คนที่ทำหน้าที่ครูผู้นิเทศและครูผู้รับการนิเทศ ครูผู้รับการนิเทศ 16 คน  (ซึ่งครูที่ทำหน้าที่เป็นผู้นิเทศประกอบด้วย รองผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่ายบริหารงานวิชาการ  และครู) และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1,2,3,4,5 และ 6 จำนวน 16 ห้องเรียน เลือกโดยครูผู้สอนที่สมัครใจเข้าร่วมวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์แบบทดสอบ  แบบสอบถาม  แบบสังเกต  และประเด็นสนทนากลุ่ม  การวิเคราะห์ข้อมูลใช้  ค่าร้อยละ (%)  ค่าเฉลี่ย ( )  ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  (S.D.) ค่า Wilcoxon Signed Rank Test ค่า t-test และการวิเคราะห์เนื้อหา  (Content Analysis)            

     ผลการวิจัย พบว่า

          การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบหลากหลาย วิธีการเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการทำวิจัยในชั้นเรียนของครู  โรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา ปรากฏผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

1.    รูปแบบการนิเทศแบบหลาหลายวิธีการ เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการทำวิจัยในชั้นเรียนครู โรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา มีองค์ประกอบได้แก่ หลักการ คือ การนิเทศการสอนเน้นกระบวนการนิเทศที่เป็นระบบ สัมพันธ์กัน โดยคำนึงถึงความแตกต่างของครูด้านความรู้ ความสามารถ และทักษะที่สำคัญที่ต้องการพัฒนา โดยใช้วิธีการนิเทศที่หลากหลาย เหมาะสม กับครูแต่ละคนเพื่อให้การนิเทศเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และกระบวนการนิเทศ 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่1 Classifying : C การคัดกรองระดับความรู้ ความสามารถ ทักษะที่สำคัญเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้และการวิจัยในชั้นเรียน เพื่อจัดกลุ่มครูและเลือกวิธีการนิเทศที่เหมาะสมกับการจัดการเรียนรู้และการวิจัยในชั้นเรียน เพื่อจัดกลุ่มครูและเลือกวิธีการนิเทศ   ที่เหมาะสมสำหรับครูแต่ละกลุ่ม ขั้นตอนที่ 2 Informing : I การให้ความรู้ก่อนการนิเทศ ขั้นตอนที่ 3 Proceeding : P การดำเนินงาน ได้แก่ 3.1) การประชุมก่อนการสังเกตการสอน (Pre conference) 3.2) การสังเกตการณ์สอน (Observation)  3.3) การประชุมหลังการสังเกตการสอน ( Post Conference)  ขั้นตอนที่ 4 Evaluating : E การประเมินผลการนิเทศ โดย  มีการกำกับ ติดตาม (Monitoring) อย่างต่อเนื่องทุกขั้นตอนเพื่อให้การดำเนินการนิเทศเกิดประสิทธิภาพและองค์ประกอบด้านเงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้ ผลการตรวจสอบความสมเหตุ

สมผลเชิงทฤษฎี  ความเป็นไปได้  และความสอดคล้องของรูปแบบการนิเทศแบบหลากหลายวิธีการ ซีไอพีอี (CIPE  Model) โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่าความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี มีค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อ เท่ากับ 1.00 ความเป็นไปได้ของรูปแบบ มีค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อ ระหว่าง 0.80-1.00 และความสอดคล้องของรูปแบบมีค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อ  ระหว่าง 0.80-1.00 ทั้งนี้เนื่องมากจากขั้นตอนการพัฒนารูปแบบ การนิเทศแบบหลากหลายวิธีการมีกระบวนการที่เป็นระบบ มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันทุกองค์ประกอบ ซึ่งก็คือ ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ และผลลัพธ์ที่คาดหวัง

ผลการใช้รูปแบบการนิเทศแบบหลากหลายวิธีการ เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูโรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา พบว่า ครูผู้นิเทศมีสมรรถภาพในการนิเทศ อยู่ในระดับสูงมาก ก่อนและหลังการใช้รูปแบบการนิเทศแบบหลากหลายวิธีการ ครูผู้นิเทศมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยหลังการใช้รูปแบบการนิเทศ มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการนิเทศวิธีการของครูผู้รับการนิเทศ  มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนิเทศ แตกต่างกันอย่างมีสมรรถภาพการทำวิจัยในชั้นเรียนอยู่ในระดับสูงมาก และมีความพึงพอใจของต่อรูปแบบการนิเทศแบบหลากหลายวิธีการของครูผู้รับการนิเทศ อยู่ในระดับมากที่สุด