การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการในการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ โรงเรียนดงรักวิทยา 2) เพื่อสร้างและตรวจสอบคุณภาพรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning : PBL) โรงเรียนดงรักวิทยา 3) เพื่อใช้รูปแบบและศึกษาสภาพปัญหาการใช้รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning : PBL) โรงเรียนดงรักวิทยา และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning : PBL) โรงเรียน      ดงรักวิทยา กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหาร ครู นักเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์ แบบทดสอบ และแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา

            ผลการวิจัยพบว่า

            1การสำรวจสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการในการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ โรงเรียนดงรักวิทยา จากการสนทนากลุ่มของผู้บริหาร หัวหน้ากลุ่มบริหารงานวิชาการ ครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 21 คน พบว่า  การจัดการเรียนรู้ของครูส่วนใหญ่ยังเป็นลักษณะบรรยายเป็นหลัก ครูผู้สอนขาดเทคนิค และวิธีการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความสามารถในการคิด การแก้ปัญหา ทำให้ผู้เรียนขาดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดความเบื่อหน่ายในการเรียน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนลดลง ซึ่งผู้ร่วมสนทนาทุกคนมองว่า ครูควรได้รับการส่งเสริม และพัฒนาวิธีการจัดการเรียนรู้ โดยครูควรใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ที่กระตุ้นความสนใจของผู้เรียน ฝึกให้ผู้เรียนรู้จักคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ และแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง

            2.  การพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning : PBL) โรงเรียนดงรักวิทยา โดยผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ท่าน พบว่า

                2.1  ความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี ผลการตรวจสอบ พบว่า ค่าดัชนีความสอดคล้องความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎีรายข้อ มีค่า 1.00 ทุกข้อ และค่าดัชนีความสอดคล้องความเป็นไปได้         มีค่าระหว่าง 0.80 ? 1.00

                2.2  ความสอดคล้องของรูปแบบ ผลการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า ค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อมีค่า 1.00 ทุกข้อ

                2.3  ความเหมาะสมของรูปแบบ ผลการตรวจสอบ พบว่า ค่าดัชนีความสอดคล้อง     รายข้อมีค่าระหว่าง 0.80 ? 1.00  

                2.4  ความเหมาะสมของคู่มือการใช้ ผลการตรวจสอบ พบว่า ค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อมีค่าระหว่าง 0.80 ? 1.00

            3.  การทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning : PBL) โรงเรียนดงรักวิทยา

                3.1  ผลการทดสอบความรู้ความเข้าใจของผู้บริหารและครู เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning : PBL) ผู้เข้าประชุมสัมมนามีความรู้ความเข้าใจก่อนและหลังการประชุมสัมมนาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5

                3.2  ผลการประเมินความสามารถในการดำเนินงานตามรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning : PBL) พบว่า ค่าเฉลี่ย โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (m = 4.60) 

                3.3  ประเมินความคิดเห็นของ ครู และนักเรียน ที่มีต่อรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning : PBL) พบว่า ค่าเฉลี่ย โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (= 4.60)

                3.4  ความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning : PBL) พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด (m = 4.60)

            4.  การประเมินรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning : PBL) ค่าเฉลี่ยโดยภาพรวม พบว่า มาตรฐานรูปแบบอยู่ในระดับมากที่สุด (m = 4.61)