ชื่อเรื่อง   :     รูปแบบการพัฒนาบุคลากรครูเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน

                  โรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ 

ชื่อผู้วิจัย  :   นายธงชัย  เหมเกียรติกุล ตำแหน่ง ผู้อำนวยการ วิทยฐานะ ผู้อำนวยการ

                    ชำนาญการพิเศษ โรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ

ปีที่วิจัย   :    2560

 

บทคัดย่อ

 

             การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและสภาพความต้องการรูปแบบการพัฒนาบุคลาครูเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดศรีสะเกษ  2) เพื่อพัฒนารูปแบบการพัฒนาบุคลาครูเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาบุคลาครูเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดศรีสะเกษ  4) เพื่อประเมินรูปแบบการพัฒนาบุคลาครูเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัย      ในชั้นเรียน โรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ โดยประชากรที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) กลุ่มผู้ร่วมวิจัย จำนวน 20 คน ประกอบด้วยรองผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 1  คน ครูผู้สอนโรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา จำนวน 19 คน 2) กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ครูผู้สอนที่เป็นกลุ่มผู้ร่วมวิจัยโรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา จำนวน 16 คน 3) กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 19 คน ประกอบด้วย   1) ครูพี่เลี้ยงที่ ร่วมกำกับ ติดตาม ให้คำปรึกษา และนิเทศในการดำเนินการพัฒนาบุคลากร เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน จำนวน 3 คน 2)กลุ่มครูผู้ร่วมวิจัย จำนวน 16 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์ แบบทดสอบ แบบสอบถาม แบบสังเกต ประเด็นสนทนากลุ่มและ แบบสรุปผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( X ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S.D. )  ค่า Wilcoxon Signed Ranks Test และการวิเคราะห์เนื้อหา

 

     ผลการวิจัย พบว่า

 

          การวิจัยเรื่อง  การพัฒนารูปแบบการพัฒนาบุคลากรครูเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ  ปรากฏผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

 

 

             1. รูปแบบการพัฒนาบุคลากรครูเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียน   ร่มโพธิ์วิทยาสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ มีชื่อว่า ซีทีเออีอาร์ดี (CTAERD Model)มีองค์ประกอบ  ได้แก่  หลักการ  คือ การพัฒนาบุคลากรครูเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัย          ในชั้นเรียนที่เป็นระบบสัมพันธ์กัน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ความรู้ความสามารถ  และทักษะที่สำคัญที่ต้องพัฒนาโดยใช้วิธีการฝึกอบรมและการลงมือปฏิบัติโดยมีครูพี่เลี้ยงให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องเพื่อให้ครูกลุ่มเป้าหมายมีสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน และสามารถนำไปพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด  มีวัตถุประสงค์  เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการทำวิจัยในชั้นเรียนของบุคลากรครู และพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา อำเภอ    ขุนหาญ   จังหวัดศรีสะเกษ  สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ  และกระบวนการพัฒนา 6 ขั้นตอน  คือ  ขั้นตอนที่ 1 Classifying : C การแบ่งระดับความรู้ ความสามารถ ทักษะ เจตคติและความต้องการ เพื่อจัดกลุ่มครู ในการพัฒนาการทำวิจัยในชั้นเรียน  ขั้นตอนที่  2  Training: T   การฝึกอบรมให้ความรู้ ทักษะ และเจตคติ สำหรับครูในการทำวิจัยในชั้นเรียนที่สอดคล้องกับความต้องการและปัญหา  ได้แก่  2.1 การพิจารณาความจำเป็นของการฝึกอบรม  2.2 การวางแผนฝึกอบรม   2.3 การดำเนินการฝึกอบรม  2.4 การประเมินผลการฝึกอบรม ในการประเมินผลการฝึกอบรม  ขั้นตอนที่ 3 Action: A การปฏิบัติการทำวิจัยในชั้นเรียนตามกระบวนการ ขั้นตอนการทำวิจัยในชั้นเรียนขั้นตอนที่ 4 Evaluation: E การประเมินผลการปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียนของครู ขั้นตอนที่ 5 Reflection: R การสะท้อนผลการปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียนของครูไปยังตัวครู ผู้บริหาร และครูพี่เลี้ยง  ขั้นที่ 6  Diffusion : D การเผยแพร่งานวิจัยในชั้นเรียน โดยดำเนินการดังนี้            1.จัดกิจกรรมโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยในนิทรรศการของโรงเรียน จัดทำฐานข้อมูลการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและงานวิจัย 2. สร้างเครือข่ายเผยแพร่ผลงานวิจัยและงานสร้างสรรค์ไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอก และ3.นำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน โดยมีการกำกับ  ติดตาม ( Monitoring )อย่างต่อเนื่องทุกขั้นตอนเพื่อให้การปฏิบัติการวิจัยเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  อันจะส่งผลให้รูปแบบการพัฒนาบุคลากรครูเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพในการวิจัยในชั้นเรียน การปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียนของครู และผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และองค์ประกอบด้านเงื่อนไขในการนำรูปแบบไปใช้

 

          2. ผลการตรวจสอบความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี  ความเป็นไปได้  และความสอดคล้อง   ของการพัฒนาบุคลากรครูเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ มีชื่อว่าซีทีเออีอาร์ดี (CTAERD  Model) โดยผู้เชี่ยวชาญ  พบว่า 
ความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี  มีค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อ  ระหว่าง
0.80 - 1.00 ความเป็นไปได้ของรูปแบบ  มีค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อ  ระหว่าง 0.80 – 1.00  และความสอดคล้อง         ของรูปแบบมีค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อ  ระหว่าง  0.80 – 1.00  ทั้งนี้เนื่องมาจากขั้นตอนการพัฒนารูปแบบการพัฒนาบุคลากรครูเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียนมีกระบวนการที่เป็นระบบ
  มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันทุกองค์ประกอบ ซึ่งก็คือ ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ และผลลัพธ์ ที่คาดหวัง

 

          3. ผลการใช้รูปแบบการพัฒนาบุคลากรครูเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนร่มโพธิ์วิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ  สรุปได้ดังนี้

             3.1  สมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน ของผู้รับการอบรม หลังการใช้รูปแบบ โดยภาพรวม  พบว่า  การฝึกอบรมส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด ยอมรับสมมติฐานการวิจัย ข้อ 1 ที่กำหนดไว้ และเมื่อพิจารณาการประเมินผลการฝึกอบรมส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียนเป็นรายด้าน พบว่า การประเมินด้านผลผลิต (Product) ด้านสภาวะแวดล้อม ( Context ) ด้านปัจจัยนำเข้าของการฝึกอบรม (Inputs) และด้านกระบวนการ (Process) อยู่ในระดับมากที่สุด ทุกด้าน    

             3.2 ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบการพัฒนาบุคลากรครูเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน  ครูผู้รับการอบรม มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียน  แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยอมรับสมมติฐานการวิจัย ข้อ 2 ที่กำหนดไว้ โดยหลังการใช้รูปแบบพัฒนาบุคลากรครู เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบพัฒนาบุคลากรครู เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน 

  3.3 ความสามารถในการเขียนโครงการวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้ทำการวิจัย โดยภาพรวม พบว่า  ครูผู้รับการอบรมมีความสามารถในการเขียนโครงการวิจัยในชั้นเรียน อยู่ในระดับมาก       เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 1 ข้อ คือ การตั้งชื่อเรื่อง และอยู่ในระดับมาก  จำนวน 11 ข้อ โดยข้อที่มีค่าเฉลี่ยมาก 3 ลำดับสุดท้าย โดยข้อที่มีค่าเฉลี่ยมาก 3 ลำดับสุดท้าย คือ  การระบุหลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย การระบุความเป็นมา ความสำคัญ     ของปัญหา และการเลือกใช้และการหาประสิทธิภาพของเครื่องมือ

  3.4 ความสามารถในการเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้ทำการวิจัยโดยภาพรวม พบว่า  ครูผู้ทำการวิจัยมีความสามารถในการเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียน  อยู่ในระดับมาก    เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าอยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 3 ข้อ โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยดังนี้  คือ การตั้งชื่อเรื่อง การวิเคราะห์ข้อมูล และการนำเสนอข้อมูลและการแปลผลการวิจัย และอยู่ในระดับมาก  จำนวน 12 ข้อ โดยข้อที่มีค่าเฉลี่ยมาก 3 ลำดับสุดท้าย คือ การระบุหลักการ แนวคิด  ทฤษฎี  ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย การระบุความเป็นมา ความสำคัญของปัญหา และการเลือกใช้และการหาประสิทธิภาพของเครื่องมือ

 

             3.5  ความพึงพอใจของครูที่มีต่อรูปแบบการพัฒนาบุคลากรครู  เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียนของครู โดยภาพรวม พบว่า ครูมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการการพัฒนาบุคลากรครู  เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียนของครู  อยู่ในระดับมากที่สุด  ยอมรับสมมติฐาน   การวิจัยข้อ 3 ที่กำหนดไว้  เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ครูมีความพึงพอใจที่อยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน โดยเรียงลำดับคะแนนเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยดังนี้ ลำดับที่ 1 ด้านกระบวนการนำรูปแบบ  ไปใช้ ลำดับที่ 2 ด้านผลของการใช้รูปแบบ และลำดับที่ 3 ด้านองค์ประกอบของรูปแบบ เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้ออยู่ในระดับมากที่สุด โดยเรียงลำดับคะแนนเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยดังนี้    คือ ลำดับที่ 1 องค์ประกอบเชิงกระบวนการ แบ่งออกเป็น 4 ขั้น ได้แก่ 1) ขั้นคัดกรอง 2) ขั้นการให้ความรู้ก่อนการพัฒนา 3) ขั้นการดำเนินการ 4) ขั้นการประเมินผลการพัฒนามีความเหมาะสม  สัมพันธ์กัน ลำดับที่ 2 องค์ประกอบของรูปแบบมีความชัดเจนและเป็นระบบ  ลำดับที่ 3 องค์ประกอบเชิงหลักการและวัตถุประสงค์ มีความเหมาะสม ลำดับที่ 4 องค์ประกอบเชิงเงื่อนไขการนำไปใช้    และการติดตามดูแลมีความเหมาะสม และลำดับที่ 5 องค์ประกอบเชิงกระบวนการ และองค์ประกอบเชิงเงื่อนไขการนำไปใช้ มีความสอดคล้องสัมพันธ์กัน ทั้งนี้จากการสนทนากลุ่ม พบว่า องค์ประกอบของรูปแบบการพัฒนาบุคลากรครู เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียนของครู                  ทุกองค์ประกอบมีความเหมาะสม และสอดคล้องซึ่งกันและกัน กระบวนการพัฒนาบุคลากรครู     เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียนมีความต่อเนื่องและสัมพันธ์กันในแต่ละขั้นตอน ถือเป็นกระบวนการที่มีประโยชน์มากในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ส่วนเงื่อนไขในการนำรูปแบบไปใช้นั้นเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการนำรูปแบบการพัฒนาบุคลากรครู เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพ     การวิจัยในชั้นเรียนไปปฏิบัติจริง โดยเฉพาะเงื่อนไขของครูที่มีความมุ่งมั่น จริงใจในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยความเต็มใจ ร่วมมือกัน มีความรับผิดชอบในการทำงาน และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี   ต่อกันเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก รวมทั้งผู้บริหารมีความตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรครู เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ  สื่อ  อุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก และสร้างขวัญกำลังใจให้กับครูเป็นการส่งเสริมให้ครูเกิดการพัฒนาทั้งทางด้านการพัฒนาบุคลากรครู และการทำวิจัยในชั้นเรียน

             3.6  ผลการเรียนรู้ของนักเรียนที่เกิดจากการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้ทำวิจัย  พบว่า  ก่อนและหลังการใช้รูปแบบการพัฒนาบุคลากรครูเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน นักเรียนมีผลการเรียนรู้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยอมรับสมมติฐานการวิจัย ข้อ 4     ที่กำหนดไว้  โดยหลังการใช้รูปแบบการพัฒนาบุคลากรครู  เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน  นักเรียนทุกระดับชั้นทุกห้อง มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการพัฒนาบุคลากรครู         เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน